
PR News
สรุปผลประกอบการ SCGP ครองตำแหน่งผู้นำส่วนแบ่งตลาดบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนอย่างแข็งแกร่ง
6 ก.พ. 2025
บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) โชว์ศักยภาพกับผลประกอบการธุรกิจในช่วงปีที่ผ่านมา SCGP สร้างความสามารถในการแข่งขัน ฝ่าฟันสถานการณ์ท้าทายต่าง ๆ เติบโต 3% กำไร 3,699 ล้านบาท เคาะจ่ายปันผล 0.55 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในปี 2567 ความต้องการของตลาดในอาเซียนปรับตัวดีขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการกระตุ้นจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง มีปัจจัยต้นทุนกระดาษรีไซเคิลที่สูงขึ้น ประกอบกับการแข็งค่าของสกุลเงินต่าง ๆ ในอาเซียน และเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่งผลต่อปริมาณการส่งออกและราคาของกระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง
SCGP ทำรายได้รวม 132,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว EBITDA 16,127 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีที่แล้ว และมีกำไรสำหรับปี 3,699 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีที่แล้ว ผลจากการปรับกลยุทธ์การตลาดเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคอย่างบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์และบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงเน้นกระตุ้นยอดขายในตลาดอาเซียน
ด้านผลดำเนินการในไตรมาส 4 ของปี 2567 แม้ความต้องการสินค้าภายในประเทศของตลาดอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 กลับมีรายได้จากการขาย 31,231 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 2,845 ล้านบาท ลดลง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขาดทุนสำหรับงวด 57 ล้านบาท ลดลง 105% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาของวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลที่สูงขึ้น และราคาขายของสินค้าที่อ่อนตัวลง รวมถึงการรวมผลการดำเนินงานจากอินโดนีเซีย และผลประกอบการของธุรกิจรีไซเคิลที่ลดลง
โดยคำนึงถึงผลประกอบการประจำปี 2567 จึงได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรา 0.55 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 63.8% ของกำไร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.25 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 โดยจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ในวันที่ 21 เมษายน 2568 วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น ในวันที่ 2 เมษายน 2568 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 เมษายน 2568
นอกจากนี้ด้วยความมุ่งมั่นด้าน ESG และการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง SCGP พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับสากล โดยการได้รับการจัดอันดับระดับ AAA จาก SET ESG Ratings และคว้ารางวัล Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment ในกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 อีกทั้งยังได้รับได้รับการจัดอันดับระดับ Platinum Medal จาก EcoVadis ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการประเมินด้านความยั่งยืน โดยติดTop 1% ของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก
SCGP มั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโตในปี 2568 ได้อย่างแน่นอน จากภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาสแรกของปี โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในตลาดอาเซียน มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และความต้องการกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในจีน ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปคาดว่าจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลาย SCGP ได้จัดสรรงบลงทุนรวม 13,000 ล้านบาท ตั้งเป้า EBITDA 18,000 ล้านบาท และกำหนดกลยุทธ์สำคัญ 4 ประการ ได้แก่
1. เน้นสร้างการเติบโตในตลาดอาเซียน เพิ่มความร่วมมือระหว่างธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่า ขยายพอร์ตสินค้าที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคและรุกตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์
2. ยกระดับการดำเนินงานผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและช่วยลดต้นทุนได้สูงถึง 600 ล้านบาท
3. พัฒนานวัตกรรมสินค้า โซลูชัน และบริการ สร้างความแตกต่างตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความสามารถในการทำกำไร
4. ขับเคลื่อนโครงการ ESG โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกให้ถึงร้อยละ 39 ของการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2568
Tag:SCGP