FashionPR NewsLifestyle
ทำไมกระเป๋าทุกใบของ LONGCHAMP ถึงได้ชื่อว่าเป็นมรดกแห่งงานฝีมือชั้นเลิศ
4 ก.พ. 2025
LONGCHAMP x ลงทุนเกิร์ล
ถ้าถามว่า ทำไมลองฌองป์ (LONGCHAMP) ถึงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจใครหลายคนมาได้อย่างยาวนาน บางคนอาจจะชอบดิไซน์ ความทนทาน ความเป็นแบรนด์ฝรั่งเศส ไปจนถึงราคาที่สมเหตุสมผล
แต่เชื่อว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทุกคนยอมรับ คือ คุณค่าของมรดกแห่งงานฝีมือชั้นเลิศ ที่ลองฌองป์สั่งสมและถ่ายทอดมายาวนานกว่า 75 ปี หรือที่เรียกว่า Made By Longchamp ที่สะท้อนถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่งดงาม การออกแบบอย่างพิถีพิถัน และความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอน
โดยกระเป๋าแต่ละใบที่ถูกผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดและความลงตัวของวัสดุแบบจัดเต็มนี้ ไม่เพียงเป็นที่ประจักษ์ของลูกค้า แต่ยังทำให้ในปี ค.ศ. 2007 ลองฌองป์ได้รับตราสัญลักษณ์ Entreprise du Patrimoine Vivant (Living Heritage Company) จากรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับธุรกิจที่มีมาตรฐานสูงสุดในด้านความเชี่ยวชาญของงานฝีมือ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า คุณค่าที่สะท้อนถึง Made By Longchamp คืออะไร
ที่สำคัญ ทางแบรนด์ทำอย่างไรถึงสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาได้กว่า 75 ปี
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ที่สำคัญ ทางแบรนด์ทำอย่างไรถึงสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาได้กว่า 75 ปี
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แม้ปัจจุบัน ลองฌองป์จะเติบโตจากแบรนด์กระเป๋าที่มีต้นกำเนิดในฝรั่งเศส จนเป็นแบรนด์กระเป๋าระดับโลก แต่ผลงานทุกชิ้นของลองฌองป์ยังคงสืบสานงานฝีมือดั้งเดิมของครอบครัวมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948
ผลงานทุกชิ้นยังคงถูกผลิตในเวิร์กช็อป 5 แห่งที่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศส
ได้แก่ Segré, Château-Gontier, Ernée, Pouzauges และ Rémalard
ได้แก่ Segré, Château-Gontier, Ernée, Pouzauges และ Rémalard
โดยทั้ง 5 เวิร์กช็อปล้วนสร้างสรรค์ชิ้นงานภายใต้มาตรฐานอันเข้มงวดในแบบฉบับ Made By Longchamp ที่ลงลึกตั้งแต่การตัดเย็บหนังอย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงการประกอบกระเป๋า ทุกขั้นตอนดำเนินการด้วยความประณีตและความแม่นยำ เพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพที่ไร้ที่ติ
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะสืบสานงานฝีมือดั้งเดิม เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้ก้าวทันไปกับยุคสมัยแล้ว ลองฌองป์ยังใช้เวิร์กช็อปที่ Segré ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตแห่งแรกของแบรนด์ เป็นศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคต่าง ๆ พร้อมทั้งวางแผนการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับแนวทางการคิดสร้างสรรค์ของทีมจากสำนักงานใหญ่ในปารีส เพื่อพัฒนารูปแบบและปรับแต่งแต่ละรุ่นให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด
ยกตัวอย่าง ผลงานการออกแบบกระเป๋าเลอ โฮโซ่ (Le Roseau) รุ่นใหม่สำหรับคอลเลกชันฤดูร้อนปี 2025 กว่าจะออกมาเป็นกระเป๋าที่เห็น ต้องใช้ต้นแบบถึง 24 แบบ และใช้เวลาหลายเดือนในการปรับแต่ง ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่ให้ได้รูปทรงกระเป๋าที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังต้องศึกษาวิธีการประกอบอีกด้วย
นอกจากกระบวนการผลิตที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนแบบ Made By Longchamp แล้ว ทางแบรนด์ยังให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัสดุหนังคุณภาพ
ดังนั้น โรงฟอกหนังทั้งหมดที่แบรนด์เลือกใช้ จึงได้รับการตรวจสอบโดย Leather Working Group องค์กรอิสระไม่แสวงผลกำไรที่อุทิศตน เพื่อการผลิตเครื่องหนังที่ยั่งยืน
โดยในปี 2023 หนังที่ลองฌองป์ใช้ถึง 79% ได้รับการรับรองระดับ “Gold” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ทั้งนี้ทางแบรนด์ยังตั้งเป้าว่า จะเพิ่มตัวเลขดังกล่าวเป็น 100 %
ทั้งนี้ทางแบรนด์ยังตั้งเป้าว่า จะเพิ่มตัวเลขดังกล่าวเป็น 100 %
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อได้หนังที่ได้คุณภาพมาแล้ว ทางแบรนด์จะให้ช่างฝีมือที่ไม่เพียงมีความรู้ความชำนาญสูงในการทำงานกับหนัง แต่ช่างฝีมือทุกคนได้รับการฝึกฝนให้สร้างสรรค์กระเป๋าได้ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ นำมาตัดเย็บอย่างแม่นยำเพื่อดึงคุณสมบัติธรรมชาติออกมาอย่างเต็มที่ และนำมาใช้งานในลักษณะที่เผยให้เห็นถึงความลึกและพื้นผิว
ที่สำคัญ กว่ากระเป๋าแต่ละใบจะถูกนำไปวางขาย ต้องผ่านกระบวนการทดสอบอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นอีกตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระเป๋าของลองฌองป์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
อย่างไรก็ตาม นอกจากลองฌองป์จะให้ความสำคัญกับวัสดุ การออกแบบและการสืบสานงานฝีมือชั้นเลิศแล้ว อีกหัวใจสำคัญที่ลองฌองป์มองว่าจะเป็นกุญแจที่ต่อยอดไปสู่ความยั่งยืนให้กับแบรนด์ คือ การให้ความสำคัญกับการผสมผสานงานฝีมือที่ยอดเยี่ยมเข้ากับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในเวิร์กช็อป
ลองฌองป์ ไม่เพียงเน้นการปกป้องระบบนิเวศและภูมิทัศน์ธรรมชาติ ผ่านการลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการปลูกต้นไม้จำนวน 12,500 ต้นรอบเวิร์กช็อป และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการอนุรักษ์เครือข่ายพุ่มไม้ที่หนาแน่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคตะวันตกของฝรั่งเศส
ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 เป็นต้นมา มีการปลูกต้นไม้สายพันธุ์ใหม่ถึง 85 สายพันธุ์ รวมถึงสวนผลไม้แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีการนำแกะและรังผึ้งมาเสริมสมดุลทางสิ่งแวดล้อมรอบสถานที่ผลิตอีกด้วย
ขณะเดียวกันในเวิร์กช็อปของแบรนด์ ยังได้รับการออกแบบให้ใช้แสงธรรมชาติให้ได้มากที่สุด เพื่อลดการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ พร้อมทั้งติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลดการปล่อยคาร์บอนลงอย่างมีนัยสำคัญ
อ่านมาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า ทำไมกระเป๋าทุกใบของลองฌองป์ถึงเป็นมากกว่ากระเป๋า แต่แฝงไปด้วยคุณค่าที่อาจจะจับต้องไม่ได้ แต่เป็นเอกลักษณ์ในแบบ Made By Longchamp
ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญในงานฝีมือที่ยอดเยี่ยมเข้ากับการผลิตที่รับผิดชอบและยั่งยืน จนทำให้แบรนด์สามารถนำเสนอคุณภาพที่ไร้ที่ติและผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ลองฌองป์มีความมุ่งมั่นที่จะยืดอายุการใช้งานของกระเป๋าแต่ละใบ
ที่ผ่านมา ทางแบรนด์มีเวิร์กช็อปสำหรับการซ่อมแซมกระเป๋าให้คืนสู่ความงดงามดั้งเดิมได้อีกครั้งมาโดยตลอด
ด้วยความเชี่ยวชาญในเวิร์กช็อป การจัดเก็บวัสดุและชิ้นส่วนต่าง ๆ กระเป๋าแต่ละใบจึงสามารถได้รับการซ่อมแซมถึง 60,000 ชิ้นในแต่ละปี
ด้วยความเชี่ยวชาญในเวิร์กช็อป การจัดเก็บวัสดุและชิ้นส่วนต่าง ๆ กระเป๋าแต่ละใบจึงสามารถได้รับการซ่อมแซมถึง 60,000 ชิ้นในแต่ละปี
โดยทางแบรนด์มองว่า การมอบชีวิตใหม่ให้กับกระเป๋า เท่ากับกำลังคืนชีพให้กับเรื่องราวของกระเป๋าด้วย เพราะลูกค้ามักมีความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งกับสิ่งของ โดยเฉพาะกระเป๋า ที่บางคนใช้มาหลายสิบปี หรือ อยากจะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
#MadeByLongchamp
#LongchampSavoirfaire
#LongchampSavoirfaire
Tag:Longchamp