รูดอล์ฟ กวางเรนเดียร์ของซานตา เกิดจาก “กลยุทธ์การตลาด” ของห้างใหญ่ในสหรัฐฯ /โดย ลงทุนเกิร์ล

เพลงฮิตติดหู ช่วงคริสต์มาส “Rudolph the Red-Nosed Reindeer” ที่พูดถึง “รูดอล์ฟ” กวางเรนเดียร์ของซานตาคลอส ที่มีจมูกสีแดง สว่างไสว จนซานตาขอให้มันมาช่วยนำทางรถเลื่อน ในคืนที่หมอกหนา

แต่ตามบทกวีที่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานซานตาคลอส
กล่าวไว้ว่า ซานตามีกวางอยู่ 8 ตัว

และใน 8 ตัวนี้ ไม่มีกวางชื่อ รูดอล์ฟ

แล้วรูดอล์ฟโผล่มาจากไหน ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

เรื่องราวเริ่มต้นที่ห้างแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อว่า “Montgomery Ward” ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1872

โดยแรกเริ่ม Montgomery Ward ขายสินค้าผ่านแค็ตตาล็อกทางเดียว จน 50 กว่าปีถัดมา ได้เปิดห้างสรรพสินค้าแห่งแรก

และ Montgomery Ward ใช้เวลาเพียง 3 ปี เปิดห้างเพิ่ม เป็นทั้งหมด 531 สาขา

ในปี 1939 Montgomery Ward ได้ผ่านมรสุมทางเศรษฐกิจ Great Depression มาได้ และกลายเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ

ทุก ๆ ปี Montgomery Ward ใช้วิธีจัดโปรโมชัน โดยแจกสมุดระบายสีนับพันเล่ม ในช่วงคริสต์มาส เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าครอบครัวเข้ามาที่ห้าง โดยเฉพาะแผนกของเล่น

อย่างไรก็ตาม ยิ่งจำนวนลูกค้าที่เข้าห้างมีมากขึ้นเท่าไร ต้นทุนทางการตลาดก็สูงขึ้นเท่านั้น โดยมีสาเหตุมาจาก การซื้อสมุดระบายสีมาแจกลูกค้านั่นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ห้าง Montgomery Ward จึงหาวิธีลดต้นทุน ด้วยการผลิตของแจกเอง

ผู้บริหารจึงมอบหมายให้แผนกโฆษณา แต่งนิทานที่เป็นออริจินัลของห้างขึ้นมาใหม่ เพื่อนำมาผลิตเป็นหนังสือนิทาน สำหรับแจกช่วงคริสต์มาส แทนการซื้อจากเจ้าอื่นแล้วนำมาแจก

โดยมีโจทย์ว่า ตัวเอกของเรื่องต้องเป็น สัตว์ ที่มีบุคลิกหน้าตาเป็นมิตร ดึงดูดทั้งเด็ก และผู้ใหญ่

และปีเดียวกันนั้นเอง เจ้ากวาง Rudolph the Red-Nosed Reindeer จึงได้ถือกำเนิดขึ้น จากไอเดียของ คุณ Robert L. May นักโฆษณาของบริษัทขณะนั้น

โดยเขาได้แรงบันดาลใจ มาจากลูกสาวของเขา ที่ชอบกวางมาก ประกอบกับ นิทานเรื่องซานตาคลอส ที่เล่าว่าซานตามีกวางเรนเดียร์ที่ช่วยลากรถเลื่อนอยู่แล้วพอดี

เขาจึงเลือก กวางเรนเดียร์ มาเป็นตัวละครหลัก

ส่วนบุคลิกของเจ้ารูดอล์ฟนั้น
คุณ Robert L. May เลือกใช้ตัวเองตอนเด็กมาเป็นต้นแบบ ซึ่งเขาเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อาย ทำให้เพื่อน ๆ ไม่ค่อยชวนเขาเล่นด้วย

จากนั้น เขาได้แต่งเติมสีสันให้กับเนื้อเรื่อง ด้วยพล็อตแนว Underdog หรือตัวเอกที่ตอนแรกด้อยกว่า และพลิกกลับมาเป็นตัวเด่น

เหมือนอย่างรูดอล์ฟ ที่มักโดนเพื่อนกวางตัวอื่น ล้อเลียนเรื่องจมูกแดง แต่สุดท้ายซานตาก็เลือกมันมานำขบวน เพราะจมูกสีแดงของมัน ช่วยส่องนำทางได้ดีนั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่า ไอเดีย กวางรูดอล์ฟ ของคุณ Robert ได้รับการอนุมัติ และถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือนิทานเล่มเล็ก ๆ เพื่อแจกให้แก่ลูกค้าของห้าง Montgomery Ward

นิทานเรื่องกวางรูดอล์ฟได้รับความนิยมอย่างสูง และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับห้างได้ไม่น้อย

โดยช่วงคริสต์มาส 2 ปีแรกของกวางรูดอล์ฟ ห้าง Montgomery Ward จัดโปรโมชันแจกนิทานไปมากถึง 6 ล้านเล่มเลยทีเดียว

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง
เรื่องกวางรูดอล์ฟ ถูกนำมาแต่งเป็นเพลง และได้ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ต จนกลายเป็นเพลงที่เราคุ้นหูกันในปัจจุบันนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นช่วงขาขึ้นของกวางรูดอล์ฟ แต่ห้าง Montgomery Ward กลับลุ่ม ๆ ดอน ๆ
จากการบริหารที่ประเมินผิดพลาด ทำให้ไม่ได้ปรับตัวตามสถานการณ์ยุคหลังสงคราม

แม้จะเปลี่ยนผู้บริหาร และเปลี่ยนมือมาหลายเจ้าของ ก็ไม่อาจกลับมาชนะ ในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ดุเดือดได้
จนสุดท้ายต้องปิดตัวลง

แม้ว่า Montgomery Ward จะปิดสาขาไปทั้งหมดแล้ว
แต่ชื่อของ Montgomery Ward ยังคงไม่จากไปไหน

เพราะ ทรัพย์สินทางปัญญา อย่างชื่อและโลโกของห้าง ถูกขายให้กับบริษัทขายตรงนำไปใช้ต่อ และเหมือนกับ กวางรูดอล์ฟ ผลผลิตทางปัญญาอีกชิ้น ที่ยังอยู่ยงคงกระพัน จวบจนทุกวันนี้ นั่นเอง..

References:
-https://www.bedfordindependent.co.uk/rudolph-the-marketing-story-behind-the-reindeer/
-https://www.si.edu/stories/where-did-rudolph-get-his-shiny-nose
-https://www.bigcommerce.com/blog/who-invented-rudolph-red-nose-reindeer/
-https://www.rightsourcemarketing.com/content-marketing/content-marketing-lessons-from-rudolph-the-red-nosed-reindeer/
-https://gobraithwaite.com/thinking/content-marketing-that-went-down-in-history-rudolph-the-red-nosed-reindeer/
-https://www.poynter.org/reporting-editing/2018/what-i-learned-about-writing-and-storytelling-from-rudolph-the-red-nosed-reindeer/