Jellycat แบรนด์ตุ๊กตาพันล้าน ที่เป็นไวรัลเพราะให้พนักงาน “เล่นทำอาหารกับตุ๊กตา”
Business

Jellycat แบรนด์ตุ๊กตาพันล้าน ที่เป็นไวรัลเพราะให้พนักงาน “เล่นทำอาหารกับตุ๊กตา”

25 ต.ค. 2024
Jellycat แบรนด์ตุ๊กตาพันล้าน ที่เป็นไวรัลเพราะให้พนักงาน “เล่นทำอาหารกับตุ๊กตา” /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อธุรกิจของเล่นอาจจะไม่ได้มีลูกค้าเป็น “เด็ก” เพียงกลุ่มเดียวอีกต่อไป
เพราะ “ผู้ใหญ่” ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
มีทั้งกำลังทรัพย์และอำนาจการตัดสินใจซื้อสินค้า
และในยุคสมัยที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญ
บางคนก็อาจจะซื้อของเล่น เพื่อทำ “คอนเทนต์”
อย่าง Jellycat แบรนด์ตุ๊กตานุ่มนิ่ม ที่หลายคนอาจจำได้จากคอลเลกชันขายดีอย่าง กระต่าย Bashful Bunny
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา แบรนด์นี้ได้เปิดร้านขายตุ๊กตาในธีมร้านอาหารและขนมต่าง ๆ แล้วให้พนักงานเอาตุ๊กตาไปเล่น แสดงบทบาทเหมือนกับกำลังทำอาหารเมนูนั้นอยู่จริง ๆ
จนโด่งดังไปทั่วโลก ถึงขั้นที่ทำให้ร้านสาขาหนึ่งของ Jellycat ในลอนดอน เผยว่าปี 2024 สามารถทำยอดขายได้สูงกว่าปีก่อนหน้าราว 246%
แล้วเรื่องราวของ Jellycat น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Jellycat คือ แบรนด์ตุ๊กตาที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปี 1999 หรือเมื่อ 25 ปีก่อน
โดยสองพี่น้องอย่างคุณ Thomas Gatacre และคุณ William Gatacre
ซึ่ง Jellycat มีจุดแข็งเรื่องการผลิตจากวัสดุระดับพรีเมียม นุ่มนิ่ม แต่มีความทนทานสูง และผ่านการทดสอบหลายรูปแบบ ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ
ทีแรก Jellycat เริ่มวางขายที่แผงเล็ก ๆ ในงานแสดงสินค้า แต่แบรนด์กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนได้นำไปวางขายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย
ในเวลาต่อมา ดิไซน์ตุ๊กตาถูกพัฒนาให้มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น ตุ๊กตาสัตว์, ตุ๊กตาผัก และตุ๊กตาขนม
โดย Jellycat จะออกสินค้าคอลเลกชันใหม่กว่า 200 ชิ้น ทุกเดือนมกราคมและเดือนกรกฎาคม ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้ลูกค้าตื่นเต้นและเกิดความรู้สึกว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ อาจจะพลาดรุ่นที่ชอบไป จนตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น
รวมถึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เป็นที่ต้องการอย่างสูง
อย่างในคอลเลกชันที่ไม่ได้ผลิตซ้ำแล้ว ก็ถูกนำมาขายมือสองในราคาสูงลิ่ว
อ้างอิงจากราคาของตุ๊กตากบ Jellycat ที่ถูกขายบนแพลตฟอร์มของมือสองอย่าง Vinted ที่มีการตั้งราคาขายสูงถึง 35,000 บาท คิดเป็นเกือบ 40 เท่าจากราคาเดิมที่หน้าร้าน
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ในปี 2022
Jellycat ยังขายดีเป็นอย่างมาก จนทำรายได้สูงถึง 1,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีก่อนหน้า
สาเหตุหลักคือ ผลพวงจากวิกฤติโรคระบาด ที่ทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หันมาใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น
ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนเกิดภาวะโหยหาเรื่องราวในอดีตที่นึกถึงแล้วชวนให้มีความสุข สบายใจ หรือที่เรียกว่า “Nostalgia” ซึ่ง Jellycat ก็เป็นตัวช่วยฮีลใจทำให้พวกเขานึกถึงของเล่นที่เคยเล่นตอนเป็นเด็ก
แถมในช่วงที่ผู้คนต้องอาศัยอยู่ที่บ้าน และใช้ชีวิตผ่านโลกออนไลน์เป็นประจำ
ความนิยมของตุ๊กตา Jellycat ก็พุ่งสูงขึ้น หลังได้เห็นเซเลบริตี เช่น คุณ Jisoo สมาชิกวง Blackpink โพสต์อินสตาแกรม ภาพเธอถือกระเป๋าที่มีตุ๊กตากระต่าย Jellycat ห้อยอยู่
หรือคุณ Kylie Jenner ที่เปิดเผยในช่องยูทูบของเธอว่า มักจะพกตุ๊กตาถั่วลันเตาหน้ายิ้ม Amuseables Pea in a Pod ไว้ในกระเป๋า เพราะบ่อยครั้งที่เธอหยิบตุ๊กตาขึ้นมา จะทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นวันที่ดี
แต่สิ่งที่ทำให้ Jellycat ยังคงถูกพูดถึงอย่างมากจนในทุกวันนี้คือ การเพิ่มประสบการณ์การขายสินค้า
เริ่มจากหลาย ๆ โพสต์ในอินสตาแกรมของบริษัท ที่เปลี่ยนของเล่นให้เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิต เล่าเรื่องราวของบรรดาสัตว์ทำกิจกรรมสนุก ๆ เช่น ภาพตุ๊กตาไก่ขนปุย และตุ๊กตาเต่าที่กำลังดูภาพยนตร์
อีกทั้งเปิดประสบการณ์ช็อปปิงแบบเต็มรูปแบบ
ด้วยการเปิดร้านที่เสมือนร้านขนม และอาหาร โดยมีกิมมิกอยู่ที่หลังจากลูกค้าเลือกซื้อตุ๊กตาแล้ว พนักงานจะแสดงบทบาทเหมือนกำลังปรุงอาหารหรือเตรียมขนมนั้นอยู่
ซึ่งปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ร้าน คือ
ร้าน “Jellycat Pâtisserie” ที่ปารีส ในธีมร้านขายขนม
โดยมีพนักงานทำท่าทาง เช่น บีบวิปครีมใส่ตุ๊กตามาการอง หรือห่อตุ๊กตาขนมอบใส่กล่องเค้กให้ลูกค้าร้าน “Jellycat Fish & Chips” ที่ลอนดอน ในธีมร้านขายฟิชแอนด์ชิปส์
โดยมีพนักงานทำท่าทาง เช่น ราดซอสบนตุ๊กตามันฝรั่งทอด หรือบีบมะนาวใส่ตุ๊กตาปลาชุบแป้งทอดร้าน “Jellycat Diner” ที่นิวยอร์ก ในธีมร้านดินเนอร์
โดยมีพนักงานทำท่าทาง เช่น ย่างตุ๊กตาเบอร์เกอร์ หรือทอดตุ๊กตาแพนเค้ก
นอกจากนี้ Jellycat ยังเคยไปเปิด “Jellycat x Beast” เป็น Pop-up Store ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ในธีมร้านพืชผัก
โดยมีพนักงานทำท่าทาง เช่น พรวนดิน หรือรดน้ำตุ๊กตาต้นไม้อีกด้วย
ซึ่งความน่ารักนี้ทำให้ลูกค้าหลายคนอดใจไม่ไหวที่จะถ่ายคลิป และแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
สำหรับคลิปที่กลายเป็นไวรัล มียอดวิวถึง 52 ล้านครั้ง มาจากร้านในปารีส ที่มีพนักงานทำท่าอบตุ๊กตาทาร์ตสตรอว์เบอร์รี บีบวิปครีม ก่อนแพ็กด้วยกระดาษห่อ และบรรจุใส่กล่องให้กับลูกค้าเพื่อนำกลับบ้าน
อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า เพราะความแปลกใหม่สุดสร้างสรรค์ของ Jellycat สามารถสร้างสรรค์ตุ๊กตาให้ดูมีชีวิตชีวาและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า จนทำให้สินค้าขายดี โดดเด่นในตลาดนั่นเอง
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ
ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนเผยว่า หนึ่งสิ่งที่เป็นจุดแข็งของบริษัทมาตลอด 25 ปี คือ ความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยทุกครั้งที่ดิไซน์สินค้า เขาทั้งสองคนจะไม่มองไปที่บริษัทคู่แข่งเลย
เพราะ “ถ้าเราดูพวกคู่แข่ง เท่ากับว่าเราสายเกินไปแล้ว เราไม่ควรทำอะไรเพียงเพราะว่าคนอื่นกำลังทำอยู่”
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.