เรียนรู้กลยุทธ์ Resmile คลินิกจัดฟันใสเฉพาะทาง ที่ใช้พิชิตใจลูกค้า เพื่อเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนไทย
Health & Beauty

เรียนรู้กลยุทธ์ Resmile คลินิกจัดฟันใสเฉพาะทาง ที่ใช้พิชิตใจลูกค้า เพื่อเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนไทย

29 มิ.ย. 2024
Resmile x ลงทุนเกิร์ล
ไม่ว่าเทรนด์ความงามจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ “การจัดฟัน” ก็ยังเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มความมั่นใจให้ใบหน้าของใครหลายคน ที่สำคัญ สามารถเริ่มดูแลได้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
ปกติถ้าพูดถึงการจัดฟัน จะมี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ การจัดฟันแบบเหล็กและการจัดฟันใส
ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ตอบโจทย์เรื่องความสวยงาม แต่ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าการจัดฟันแบบเหล็ก ทำให้หลายคนยังเข้าไม่ถึง
จากอินไซต์นี้เอง ทำให้ Resmile เลือกที่จะพลิกโฉมวงการจัดฟันใส 
ด้วยการเปิดคลินิ​ก ที่เน้นให้บริการเฉพาะด้านการจัดฟันใส 
แถมยังมุ่งสร้างแบรนด์ให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ หวังเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่คนไทยวางใจให้ดูแลรอยยิ้ม
แล้ว Resmile วางกลยุทธ์อย่างไร เพื่อก้าวสู่การเป็นเบอร์ 1?
ลงทุนเกิร์ล จะเล่าให้ฟัง
ที่ผ่านมา การจัดฟันแบบใสในท้องตลาด จะเป็นแบรนด์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และใช้ระบบแฟรนไชส์ หรือ Partnership 
โดยให้คลินิกทันตกรรมทำหน้าที่เป็น Distributor ในการรับคนไข้และแบ่งสัดส่วนของค่ารักษา 
ทำให้ค่าบริการในการจัดฟันใสจับต้องได้ยาก และยังไม่ได้มีแบรนด์ไหน ที่สามารถสร้าง Loyalty ให้ลูกค้าคนไทย​
จากอินไซต์นี้เอง ทำให้ Resmile เลือกที่จะพลิกโฉมวงการจัดฟันใส 
ด้วยการไม่ใช้ระบบแฟรนไชส์ และเปิดคลินิ​กเป็นของตัวเอง ที่เน้นให้บริการเฉพาะทางด้านการจัดฟันใส 
แถมยังมุ่งสร้างแบรนด์ให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ หวังเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่คนไทยวางใจให้ดูแลรอยยิ้ม
ทั้งนี้บวกกับเมื่อ Resmile เห็นว่าเทรนด์ของผู้บริโภคยุคนี้ หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น ทำให้ภาพรวมของธุรกิจความงามเติบโตได้ดี จึงมองว่า นี่คือโอกาสของธุรกิจจัดฟันใสเช่นกัน
เพราะอย่าลืมว่า การมีฟันสวย ก็นำไปสู่การมีรอยยิ้มที่สดใส ทำให้เกิดความมั่นใจ
โดยจากข้อมูลของ Mintel เมื่อปี 2021 พบว่า คนไทยมองว่าการดูแลสุขอนามัยในช่องปากเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเอง 
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อมีคนใส่ใจมากขึ้น การดูแลช่องปาก ก็มีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ  
สอดคล้องกับข้อมูลของ Euromonitor International ในปี 2021 ที่มีการคาดการณ์ว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากในประเทศไทย จะเติบโตที่ CAGR 3.6% จากปี 2020 ถึง 2025    
ขณะที่ถ้ามองในเชิงการสร้างแบรนด์ จะเห็นว่าปัจจุบัน การสร้างแบรนด์ให้มีคุณค่า เป็นอีกหัวใจหนึ่งที่ทำให้การทำธุรกิจเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นที่มาของส่วนผสมอันกลมกล่อมในการวางกลยุทธ์ของ Resmile 
ที่นิยามตัวเองว่าต้องการเป็นมากกว่าคลินิกทำฟันทั่วไป
เพราะนอกจากคุณภาพและความเชี่ยวชาญในการจัดฟัน ยังให้ความสำคัญการวาง Positioning ของแบรนด์ และสร้าง Branding ที่พร้อมเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างอีกด้วย
Resmile เชื่อว่า Quality Over Quantity
จึงวาง Positioning ของตัวเองด้วยการเป็นคลินิกทันตกรรม 
ที่เน้นความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันใส โดยเฉพาะ
แทนที่จะใช้ระบบ Partnership ที่ทันตแพทย์และบุคลากร อาจจะไม่ได้ถูกเทรนให้เข้าใจเรื่องการจัดฟันใสอย่างลึกซึ้ง และอาจจะติดปัญหาเรื่องการคัดสรรอุปกรณ์ในการรักษา ความล่าช้าของขนส่ง และการสร้าง Customer Journey ที่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
ในเรื่องของคุณภาพ ซึ่ง Resmile ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงมีการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คุ้มค่ากับลูกค้า  
เริ่มต้นตั้งแต่การคัดสรรวัสดุและอุปกรณ์ในการจัดฟันใสที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก 
ทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป ทำให้อุปกรณ์จัดฟันใสของ Resmile มีคุณภาพระดับสากล 
ขณะเดียวกันยังสามารถทำเครื่องมือแบบ Tailor made 
ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับปัญหาฟันปัจจุบันได้ ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่จะทำการส่งชุดเครื่องมือให้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียว 
ซึ่งทำให้ Resmile เห็นถึงปัญหา เช่น คนไข้ไม่สามารถสวม Aligner คู่ถัดไปได้ จากพฤติกรรมไม่สม่ำเสมอในการใส่ หรือ แผนการรักษาที่ล่วงหน้าเกินไป
แต่พอเป็นเครื่องมือแบบ Tailor made ทีมทันตแพทย์ Resmile สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการทำงานร่วมกับฟันคนไข้อย่างใกล้ชิด
เพื่ออัปเดต ติดตามสถานะของฟันคนไข้ ในการเคลื่อนของฟันในแต่ละครั้ง และออกแบบอุปกรณ์จัดฟันใสแบบคู่ต่อคู่ จนถึงการสิ้นสุดของการรักษา ทำให้การรักษาแม่นยำกว่าเดิม
พร้อมกันนี้ ยังแก้ Pain Point ยอดฮิตของลูกค้าที่กลัวเจ็บ​ ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์จัดฟันใสที่มีชื่อว่า SmoothSmile™ วัสดุจัดฟันใสที่มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นสูง 
ซึ่งจะเป็นคู่แทรกเพิ่มขึ้นระหว่างการรักษา เพื่อลดอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนของฟัน 
ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างนุ่มนวลต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพสูง 
ในฝั่งของบุคลากร Resmile ก็มีการพัฒนาให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการจัดฟันใสในทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นทันตแพทย์ที่ต้องมีการอบรมโดยเฉพาะ รวมไปถึงผู้ช่วยทันตแพทย์และพนักงานประจำคลินิกที่ต้องมีความรู้ในการให้คำปรึกษา และช่วยเหลือลูกค้าตลอดการใช้บริการ
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะยืนหนึ่งด้วยคุณภาพแล้ว การสร้างประสบการณ์ใหม่และส่งมอบคุณค่าของแบรนด์ไปถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ​
เปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือ Resmile ต้องการแก้โจทย์คนไข้ที่รู้สึกกลัว หรือ มองว่าคลินิกทำฟันจะต้องเข้าเมื่อปวดฟันเท่านั้น
เพื่อลบภาพจำเดิม ๆ ของคลินิกทันตกรรม Resmile เลือกใช้การออกแบบสเปซ หรือสถาปัตยกรรม ในการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการทำฟัน  
โดยตั้งเป้าหมายให้คนที่ผ่านไปผ่านมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ที่นี่เป็นคลินิกทำฟัน
เพราะ Resmile มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้คนไข้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายเมื่อมาใช้บริการ ที่ไม่ต่างจากการไป สปา คาเฟ และได้มุมถ่ายรูป จุดเช็กอินใหม่ ๆ 
ซึ่งนอกจากจะเป็นการสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ที่มีความ Friendly Modern และ Premium  
ควบคู่ไปกับการสื่อสาร ที่เข้าถึงง่าย และโดนใจคนยุคนี้ 
ด้วยการทำแคมเปญการตลาด ที่เน้นสร้าง Movement  และความ Fresh ให้แบรนด์ 
ไม่ว่าจะเป็น การ Collaboration กับ Artist ในการวาดรูป Character ลงเคสเก็บอุปกรณ์จัดฟันใส  
ไปจนถึงการทำแคมเปญ CSR สร้างประโยชน์ต่อสังคมได้ เช่น 
-โครงการ Smile together campaign กับ มูลนิธิ Operation Smile หักรายได้ส่วนหนึ่งในการไปสมทบทุนช่วยน้อง ๆ ที่เป็นปากแหว่งเพดานโหว่ 
-Dental waste รวบรวมขยะทางทันตกรรม เพื่อส่งไปให้ทาง N15 เพื่อนำไปผันแปรเป็นเชื้อเพลิงที่มีประโยชน์ 
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อหวังว่า ด้วยกลยุทธ์ที่คิดมาอย่างรอบด้านจะพา Resmile เข้าไปอยู่ในใจของคนไทยได้
เพราะก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่ของ Resmile คือ อยากทำให้การดูแลสุขภาพในช่องปาก (Oral care) เป็นหนึ่งใน Mega Trend  ที่สำคัญ ไม่แพ้การดูแลตนเองในรูปแบบอื่น ๆ
ซึ่งหากทำสำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทันตกรรมในองค์รวม
และเพิ่ม Market Share ในท้องตลาดอีกด้วย
จากนี้ก็น่าติดตามว่า Resmile คลินิกทันตกรรมของคนไทย ที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ จะทำได้สำเร็จหรือไม่
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.