PR News
จิม ทอมป์สัน เปิดตัว Heritage Quarter โฉมใหม่ พร้อมแผนธุรกิจ ตั้งเป้าเป็น "แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลก"
20 พ.ย. 2023
Jim Thompson หรือ จิม ทอมป์สัน (บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด) แบรนด์ผ้าไหมไทยระดับตำนาน ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1951 เปิดตัว “Jim Thompson Heritage Quarter” อาณาจักรไลฟ์สไตล์โฉมใหม่เต็มรูปแบบที่ครบวงจร ตอบโจทย์กิน-เที่ยว-ช้อป-ชิลล์ พร้อมเผยกลยุทธ์และแผนธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย
ความพิเศษของ Jim Thompson Heritage Quarter โฉมใหม่ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ จิม ทอมป์สัน สู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลก
ความพิเศษของ Jim Thompson Heritage Quarter โฉมใหม่ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ จิม ทอมป์สัน สู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลก
Jim Thompson ตั้งใจให้ Heritage Quarter เป็นแลนด์มาร์กสำคัญทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพราะประกอบไปด้วยพื้นที่ที่ตอบสนองสายไลฟ์สไตล์ได้ทั้งวัน
ไม่ว่าจะเป็น ‘พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน’ บ้านเรือนไทยที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโด่งดังไปทั่วโลก, นิทรรศการ ‘Museum About the Man’ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของจิม ทอมป์สัน
รวมถึงนิทรรศการ The Evolving World of Jim Thompson Textiles สำรวจการเดินทางของผืนผ้าและความเป็นมาของลวดลายผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ The Iconic Store สโตร์ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายจากแบรนด์
นอกจากนี้ยังมีโซนอาหารและเครื่องดื่มใหม่ล่าสุด ได้แก่
- ‘ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน’
- ‘The O.S.S. Bar’ บาร์สุดฮิป
- ‘The O.S.S. Room’ ห้องชายามบ่าย ที่ตั้งชื่อจากหน่วยงาน Office of Strategic Services (OSS) หรือ CIA ในปัจจุบัน ที่จิม ทอมป์สันเคยทำงานอีกด้วย
- ‘Jim’s Terrace’ คาเฟ่สไตล์ไทย-ทาปาสริมระเบียงวิวบ้านไทยแสนงดงาม
- Silk Café คาเฟ่สวยในบรรยากาศร่มรื่น รวมถึง Moonlight Hall ห้องจัดอีเวนต์อเนกประสงค์ที่ตกแต่งอย่างงดงาม
- ‘The O.S.S. Bar’ บาร์สุดฮิป
- ‘The O.S.S. Room’ ห้องชายามบ่าย ที่ตั้งชื่อจากหน่วยงาน Office of Strategic Services (OSS) หรือ CIA ในปัจจุบัน ที่จิม ทอมป์สันเคยทำงานอีกด้วย
- ‘Jim’s Terrace’ คาเฟ่สไตล์ไทย-ทาปาสริมระเบียงวิวบ้านไทยแสนงดงาม
- Silk Café คาเฟ่สวยในบรรยากาศร่มรื่น รวมถึง Moonlight Hall ห้องจัดอีเวนต์อเนกประสงค์ที่ตกแต่งอย่างงดงาม
โดยสถานที่ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ ‘Jim Thompson Art Center’ พื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์เพื่อคนรักศิลปะอีกด้วย
ด้าน แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด แบรนด์ จิม ทอมป์สัน ได้ฉายภาพธุรกิจของ Jim Thompson ในปัจจุบัน ที่ครอบคลุม 4 ธุรกิจ ได้แก่
1. ธุรกิจแฟชั่น ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน มีสโตร์ทั้งสิ้น 25 แห่งในประเทศไทย โดยสินค้ายอดนิยมของแบรนด์ ได้แก่ เสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ ผ้าพันคอ กระเป๋า และเครื่องประดับ
ไอเทมทุกชิ้นของแบรนด์ทำจากผ้าไหมและวัสดุคุณภาพสูงอื่น ๆ ในดิไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า
2. ธุรกิจร้านอาหาร จิม ทอมป์สัน ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นนำเสนอรสชาติอาหารไทยต้นตำรับแต่ผสมผสานสไตล์ร่วมสมัย ท่ามกลางบรรยากาศหรือบรรยากาศการตกแต่งที่ตระการตาและบริการระดับเวิลด์คลาส
นอกจากนี้ จิม ทอมป์สัน เตรียมเปิดร้าน Jim’s Terrace ที่ One Bangkok และเตรียมขยายสาขา Jim Thompson, A Thai Restaurant x The O.S.S. Bar ในคอนเซ็ปต์ร้านอาหารและบาร์ในภูมิภาคเอเชียเร็ว ๆ นี้อีกด้วย
3. ธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้าน อีกหนึ่งธุรกิจหลักที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ คือกลุ่มธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้านของจิม ทอมป์สัน ที่มีการนำเสนอผ้าตกแต่งคุณภาพสูงและการออกแบบลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ผ้าตกแต่งผนัง ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และผ้าปักประเภทต่าง ๆ เพื่อการอยู่อาศัยโดยเฉพาะ
ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมทั้งในที่อยู่อาศัยและธุรกิจโรงแรม โดย 35% ของโรงแรมชั้นนำระดับโลกในลิสต์ The World’s 50 Best Hotels เลือกใช้สินค้าผ้าตกแต่งของจิม ทอมป์สัน อาทิ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, เดอะ สยาม, โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เป็นต้น
อีกทั้งยังมีโชว์รูมจิม ทอมป์สัน ที่มีสินค้าผ้าตกแต่งบ้านเจาะเมืองใหญ่ในหลายประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ ลอนดอน แอตแลนตา นิวยอร์ก และปารีส
ส่วนอนาคต ของ จิม ทอมป์สัน นั้น แฟรงก์ แคนเซลโลนี ได้กล่าวถึงแผนธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอีก 3-5 ปี หลังจากนี้ว่าจะมี 4 ส่วน ได้แก่
- มินิซีรีส์นำเสนอประวัติชีวิตของจิม ทอมป์สัน ที่คาดว่าจะมีการเผยแพร่ได้ในช่วงปี 2025
- Jim Thompson Hotel & Residence ในกรุงเทพฯ เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหารและธุรกิจบริการ
- ‘Maison Jim Thompson’ ธุรกิจของใช้ในบ้าน ที่อยู่ระหว่างการสำรวจตลาด
-Jim Thompson Concept Store ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2025 โดยมีความแตกต่างจาก Fl คือจะที่มีทั้งสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น มีนิทรรศการศิลปะ รวมถึงการจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์อื่น ๆ
ทั้งนี้ แฟรงก์ แคนเซลโลนี ยังกล่าวว่าในปี 2023 คาดหวังให้ผลกำไรจากการดำเนินงานมากกว่าปี 2017-2019 ทั้ง 3 ปีรวมกัน และคาดหวังให้มูลค่าแบรนด์เติบโตไปถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
เป็นที่น่าติดตามว่า เส้นทางธุรกิจเหล่านี้จะทำให้ Jim Thompson ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิก ไลฟ์สไตล์ชั้นนำจากเอเชีย ภายใต้กลยุทธ์ “Beyond Silk” อย่างที่ตั้งใจไว้ได้อย่างไรบ้าง