
history
เซเลม ดินแดนของเหล่าแม่มด ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
11 ก.ค. 2020
เซเลม ดินแดนของเหล่าแม่มด ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน /โดย ลงทุนเกิร์ล
ใครที่ชอบดูซีรีส์ หรือภาพยนตร์แนวแม่มด พ่อมด จากฝั่งอเมริกัน
อาจจะคุ้นหูกับคำว่า “เซเลม” ที่มักจะใช้เรียกชื่อ สถานที่ หรือชื่อของบุคคล หนึ่งในเรื่อง
ใครที่ชอบดูซีรีส์ หรือภาพยนตร์แนวแม่มด พ่อมด จากฝั่งอเมริกัน
อาจจะคุ้นหูกับคำว่า “เซเลม” ที่มักจะใช้เรียกชื่อ สถานที่ หรือชื่อของบุคคล หนึ่งในเรื่อง
แล้วที่มาของชื่อเซเลมนั้นมาจากไหน?
วันนี้ลงทุนเกิร์ล จะพาทุกคนไปท่องโลกของเหล่าแม่มด ในเมืองเซเลมกันนะคะ
วันนี้ลงทุนเกิร์ล จะพาทุกคนไปท่องโลกของเหล่าแม่มด ในเมืองเซเลมกันนะคะ
เซเลม เป็นชื่อ “เมือง” ที่ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมตัวและที่อยู่อาศัยของคนที่อ้างตัวว่าเป็น “แม่มดจริงๆ”
ปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมตัวและที่อยู่อาศัยของคนที่อ้างตัวว่าเป็น “แม่มดจริงๆ”
ที่แห่งนี้มีทั้ง หมู่บ้านแม่มด และพิพิธภัณฑ์แม่มด
เกือบทั้งเมือง เป็นบรรยากาศที่ถูกตกแต่งในธีมแม่มด มีร้านขายสินค้าที่ทำโดยเหล่าแม่มด
ที่ขายทั้งไม้กายสิทธิ์ และของใช้ต่างๆ ตามความเชื่อของแม่มด
เกือบทั้งเมือง เป็นบรรยากาศที่ถูกตกแต่งในธีมแม่มด มีร้านขายสินค้าที่ทำโดยเหล่าแม่มด
ที่ขายทั้งไม้กายสิทธิ์ และของใช้ต่างๆ ตามความเชื่อของแม่มด
แล้วแม่มดเหล่านี้เป็นใคร มาจากไหนกันนะ?
ย้อนกลับไปในปี 1626 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้มีการก่อตั้งเซเลมขึ้น
ในตอนแรกเมืองแห่งนี้ ถูกตั้งชื่อว่า Naumkeag แต่ภายหลังก็ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า เซเลม (Salem) ซึ่งเป็นภาษาฮีบรู ที่มีความว่า “ความสงบสุข”
ในตอนแรกเมืองแห่งนี้ ถูกตั้งชื่อว่า Naumkeag แต่ภายหลังก็ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า เซเลม (Salem) ซึ่งเป็นภาษาฮีบรู ที่มีความว่า “ความสงบสุข”
ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงเซเลม
ส่วนใหญ่อพยพมาจากแถว Cape Ann ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 38.4 กิโลเมตร
ส่วนใหญ่อพยพมาจากแถว Cape Ann ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 38.4 กิโลเมตร
พวกเขายังไม่คุ้นเคยกับดินแดนแห่งนี้
จึงค่อนข้างหวาดระแวง และไม่มีรู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่
จึงค่อนข้างหวาดระแวง และไม่มีรู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่
ในขณะที่พวกเขา กำลังดำเนินชีวิตไปตามปกติเหมือนในทุกๆวั น
เรื่องราวลึกลับก็ได้เริ่มต้นขึ้น..
เรื่องราวลึกลับก็ได้เริ่มต้นขึ้น..
เมื่อชาวเมืองพบเด็กสาวที่ป่วยด้วยโรคประหลาดในปี 1692
และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเด็กคนอื่นๆ ป่วยด้วยอาการคล้ายๆ กัน
และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเด็กคนอื่นๆ ป่วยด้วยอาการคล้ายๆ กัน
ผู้คนเริ่มหวาดกลัวว่า อาจจะมีพลังงานบางอย่างที่แอบเล่นงานพวกเขาอยู่
เนื่องจากในสมัยนั้น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ยังไม่ได้ก้าวหน้าเท่าไร
ผู้คนจึงพากันเชื่อว่า “แม่มด” เป็นผู้สาปให้เด็กๆ ป่วย
และการตามล่าแม่มดจึงได้เปิดฉากขึ้น..
ผู้คนจึงพากันเชื่อว่า “แม่มด” เป็นผู้สาปให้เด็กๆ ป่วย
และการตามล่าแม่มดจึงได้เปิดฉากขึ้น..
ในตอนแรก มีหญิงสาว 3 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ คุณ Tituba เธอมีสถานะเป็นทาส
ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ คุณ Tituba เธอมีสถานะเป็นทาส
หลังจากที่ถูกสืบสวนถึง 3 วัน ทำให้เธอทั้งหวาดกลัว และอ่อนล้า
เธอจึงตัดสินใจโกหกว่าเธอเป็นแม่มด เพื่อให้เรื่องนี้มันจบ
เธอจึงตัดสินใจโกหกว่าเธอเป็นแม่มด เพื่อให้เรื่องนี้มันจบ
ซึ่งตามความเชื่อในยุคนั้น แม่มด คือ พวกที่รับใช้ซาตาน
โดยพวกเขาจะเซ็นชื่อของตัวเองลงไปในหนังสือของซาตาน
ดังนั้น ในการสืบสวนเรื่องนี้ คุณ Tituba จึงถูกคาดคั้นว่าเธอเห็นชื่อใครในหนังสือเล่มนั้นอีกบ้าง
โดยพวกเขาจะเซ็นชื่อของตัวเองลงไปในหนังสือของซาตาน
ดังนั้น ในการสืบสวนเรื่องนี้ คุณ Tituba จึงถูกคาดคั้นว่าเธอเห็นชื่อใครในหนังสือเล่มนั้นอีกบ้าง
เธอตอบพวกเขาไปแค่ว่า “เธออ่านหนังสือไม่ออก”
คำสารภาพนี้ได้กลายเป็นการเติมเชื้อไฟ ที่ทำให้เรื่องนี้รุนแรงขึ้น
หลังจากนั้น มีชายหญิงหลายร้อยคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย จนถูกนำตัวไปสืบสวน
และบางรายก็ถูกทรมานอย่างหนัก
หลังจากนั้น มีชายหญิงหลายร้อยคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย จนถูกนำตัวไปสืบสวน
และบางรายก็ถูกทรมานอย่างหนัก
ในตอนนั้น มีการตั้งศาลพิพากษาคดีแม่มดขึ้นโดยเฉพาะ
เรื่องนี้บานปลาย จนทำให้มีการตัดสินประหารคนมากมาย
หลังเหตุการณ์นี้ มีผู้หญิง 14 คน และผู้ชายอีก 5 คน ถูกแขวนคอ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนคนที่ตายจากการทรมานนั้นมีมากน้อยแค่ไหน
หลังเหตุการณ์นี้ มีผู้หญิง 14 คน และผู้ชายอีก 5 คน ถูกแขวนคอ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนคนที่ตายจากการทรมานนั้นมีมากน้อยแค่ไหน
เหตุการณ์นี้จบลง โดย Sir William Phips ซึ่งเป็นผู้ว่าของรัฐแมสซาชูเซตส์
ได้เข้ามาระงับเหตุการณ์อันโหดร้าย และป่าเถื่อนนี้..
ได้เข้ามาระงับเหตุการณ์อันโหดร้าย และป่าเถื่อนนี้..
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงมาแล้วกว่า 328 ปี
แต่เรื่องราวอันโหดร้ายนี้ยังคงถูกเล่าต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน
แต่เรื่องราวอันโหดร้ายนี้ยังคงถูกเล่าต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน
ร่องรอยของความเจ็บปวด ยังคงถูกบันทึกไว้ในเมืองเซเลมแห่งนี้..
บ้านของผู้พิพากษาที่เป็นผู้ตัดสินแขวนคอผู้บริสุทธิ์ ยังถูกคงสภาพไว้
เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความผิดพลาดในอดีต
เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความผิดพลาดในอดีต
พิพิธภัณฑ์แม่มดเซเลม ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเรื่องราวในปี 1692
ในปัจจุบัน แม่มด กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในชุมชนแห่งนี้
และเซเลม ถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองแม่มด”
และเซเลม ถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองแม่มด”
ที่น่าทึ่งคือ แม่มด กลายเป็น “จุดขาย” ของเมืองแห่งนี้
เซเลมกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
ผู้คนที่ชื่นชอบเรื่องแม่มดต่างพากันมายังเมืองแห่งนี้
เซเลมกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
ผู้คนที่ชื่นชอบเรื่องแม่มดต่างพากันมายังเมืองแห่งนี้
เซเลมมี “หมู่บ้านแม่มด” ที่ขายสินค้าที่ทำโดยเหล่าคนที่อ้างตัวว่าเป็นแม่มดจริงๆ
พวกเขาจะขายสินค้าตามความเชื่อของแม่มด
และอธิบายถึงความเชื่อของพวกเขา โดยสินค้าทุกชิ้นถูกผลิตขึ้นเพื่อสร้างพลังบวก
ไม่ได้ใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่น
พวกเขาจะขายสินค้าตามความเชื่อของแม่มด
และอธิบายถึงความเชื่อของพวกเขา โดยสินค้าทุกชิ้นถูกผลิตขึ้นเพื่อสร้างพลังบวก
ไม่ได้ใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่น
แล้วแม่มดจริงๆ ที่อ้างถึงคืออะไร?
พวกเขามีพลังวิเศษจริงๆ ไหม?
พวกเขามีพลังวิเศษจริงๆ ไหม?
คำตอบคือ พวกเขาบอกว่าไม่ได้มีพลังวิเศษ เหมือนในเรื่อง Harry Potter
แต่พวกเขาเชื่อว่าตัวเองมีพลังด้านบวกบางอย่างซ่อนอยู่ภายใน
พวกเขามีคาถาของพวกเขาเอง และมีสมาคมรวมตัวเหล่าแม่มดพ่อมด ซึ่งเป็นเสมือนลัทธิหนึ่ง
พวกเขามีคาถาของพวกเขาเอง และมีสมาคมรวมตัวเหล่าแม่มดพ่อมด ซึ่งเป็นเสมือนลัทธิหนึ่ง
พวกเขามีกฎเหล็กที่สำคัญ คือ “การไม่ทำร้ายผู้อื่น”
หรือพูดง่ายๆ ว่าพวกเขาเป็น แม่มดสายขาว นั่นเอง
หรือพูดง่ายๆ ว่าพวกเขาเป็น แม่มดสายขาว นั่นเอง
ในตอนนี้ การล่าแม่มด และความกลัวจากพลังเหนือธรรมชาติ ได้จบลงแล้ว
สถานที่แห่งนี้เหมือนกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง
จากโศกนาฏกรรมในอดีต วันนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
ดึงดูดคนมากหน้าหลายตาจากทั่วโลก
จากโศกนาฏกรรมในอดีต วันนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
ดึงดูดคนมากหน้าหลายตาจากทั่วโลก
สุดท้ายนี้ หวังว่า เซเลมคงจะสงบสุข ได้เหมือนกับชื่อของเมืองจริงๆ เสียที..
References:
- https://www.history.com/topics/colonial-america/salem-witch-trials
- https://www.salem.org/salem-history/
- https://www.vice.com/en_us/article/wnwvqn/the-real-witches-of-salem-massachusetts
- https://www.britannica.com/event/Salem-witch-trials/The-trials
- https://www.salemweb.com/guide/witches2.php?f=2
- https://www.history.com/topics/colonial-america/salem-witch-trials
- https://www.salem.org/salem-history/
- https://www.vice.com/en_us/article/wnwvqn/the-real-witches-of-salem-massachusetts
- https://www.britannica.com/event/Salem-witch-trials/The-trials
- https://www.salemweb.com/guide/witches2.php?f=2